ในหลายๆประเทศห้ามมีการส่งข้อความหรือกดแชทในขณะที่กำลังขับรถหรือเดินอยู่ ซึ่งการกระทำเหล่านี้อาจจะกลายเป็นภัยที่คุกคามเรื่องสุขภาพของคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นคลิปที่แสดงให้เห็นถึง คนที่มัวกดโทรศัพท์ขณะที่กำลังข้ามถนน ซึ่งเกือบจะถูกรถชน และผู้หญิงที่เดินสะดุดตกท่อ เป็นต้น ในชีวิตจริงเราอาจจะเจอเหตุการณ์ต่างๆมากมายเพราะความประมาท เรื่องราวที่กล่าวมาข้างต้นนี้อาจจะฟังดูเหมือนเรื่องตลก แต่จริงๆแล้วมันอาจจะเกิดอันตรายได้มากที่สุด
แพทย์ด้านแผนกฉุกเฉินได้มีการรายงาน การบาดเจ็บซึ่งมีทั้งกระดูกใบหน้าหัก, การบาดเจ็บที่สมอง, บาดแผลที่ฉีกขาด, เลือดกำเดาออกและมีอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า เป็นต้น โดยหนังสือพิมพ์ได้รายงานข่าวว่า คนที่จดจ้องแต่โทรศัพท์ ส่วนใหญ่มักจะเกิดอุบัติเหตุต่างๆ ไมว่าจะเป็น เดินสะดุดแพลตฟอร์มในรถไฟฟ้าใต้ดินหรือเดินตกสะพาน เดินตกคลอง
คนเราส่วนใหญ่จะละอายและรู้สึกผิดว่าตัวเองทำไม่ถูกต้องในการแขท และการประมาทดดยคิดว่า อุบัติเหตุจะไม่เกิดขึ้นกับตัวเอง หลังจากเกิดอุบัติเหตุถึงจะคิดได้ว่า เราทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องและทำให้คนอื่นเดือดร้อน อย่างไรก็ตาม จากสถิติขององค์การคุ้มครองผู้บริโภค รายงานเกี่ยวกับ ผู้บาดเจ็บในปีที่ผ่านมากว่า 1,100 คนในสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดอุบัติเหตุจากการส่งข้อความขณะที่กำลังเดินซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นถึงสี่เท่าภายใน 7 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามตัวเลขที่รายงานผู้บาดเจ็บอาจจะมากกว่านี้
จากสถิติที่มีการรายงานเรื่องการบาดเจ็บจากการเล่นสมาร์ทโฟนนี้ ทำให้รัฐบาลมีการกระตุ้น โดยจะมีการให้เสียค่าปรับ $50 หากเดินเหม่อลอยไปแถวๆทางรถไฟ ในเมืองฟอร์ตลีในนิวเจอร์ซีได้ออกกฎที่คล้ายกัน คือ จะปรับ $ 85 หากไม่เดินข้ามทางม้าลาย ซึ่งกฎออกมาหลังจากที่มีผู้เสียชีวิตจากการเดินข้ามถนนที่ไม่ถูกต้อง
สำหรับรัฐเดลาแวร์ได้แปะสติ๊กเกอร์คำเตือนที่เกี่ยวกับการเดินทางเท้า เพื่อกระตุ้นให้ผู้ที่ชอบส่งข้อความหรือเล่นสมาร์ทโฟน “เงยหน้าขึ้นมอง” และให้ระมัดระวังอันตราย ไม่ประมาทและเดินอย่างมีสติและระมัดระวังมากขึ้น เพื่อลดจำนวนอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากการเดินก้มหน้า ไม่มองทางเดินและคนอื่นๆ
ปัญหานี้จะเป็นการพิสูน์ความสามารถของสมองเราที่สามารถทำอะไรได้หลายๆอย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักวิจัยเรียกแนวคิดนี้ว่า “การแบ่งความสนใจ” หรือ “การมองข้ามความเปลี่ยนแปลง” แทนการทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน Dorsolateral Prefrontal Cortex (DLFC) ซึ่งเป็นสมองส่วนกลีบหน้า ที่จะเปลี่ยนความสนใจของเรามนการทำสิ่งหนึ่งไปอีกสิ่งหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว
การเปลี่ยนความสนใจอย่างรวดเร็วนี้อาจจะทำให้เราเข้าใจผิดได้ว่า เราสามารถทำได้หลายๆอย่างในเวลาเดียวกัน
เพราะว่าการเดินอาจจะใช้กระบวนการคิดน้อยกว่าการขับรถ ทำให้คนเดินเท้าอาจจะรู้สึกอึดอัดหรือรู้สึกว่าถูกบังคับน้อยกว่าคนที่ขับรถในการที่จะนำโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่น อย่างไรก็ตาม นักวิจัยได้แสดงให้เห็นว่า การส่งข้อความหรือการคุยโทรศัพท์ระหว่างที่เดินนั้น อาจจะเกิดอันตรายกับเราได้ทุกเมื่อ
มีการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโอไฮโอที่พบว่า วสิ่งที่เบี่ยงเบนความสนใจของเราโดยใช้โทรศัพท์มือถือนั้น จะเป็นการลดการรับรู้สถานการณ์ต่างๆของเราลงและเป็นการเพิ่มพฤติกรรมที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งจะทำให้คนเดินเท้ามีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้นที่จะเกิดอุบัติเหตุ และอาจเป็นเหยื่อจากการก่ออาชญากรรมและอาจทำให้คุณเข้าห้องฉุกเฉินหรืออาการแย่ลงได้
แม้ว่าจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น การควบคุมของรัฐบาลเกี่ยวกับการส่งข้อความขณะที่เดินยังคงเป็นประเด็นร้อนที่มีคนติดตามเยอะอยู่ บางคนอาจจะติดตลก เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็ก อย่างไรก็ตาม การวิจัยแสดงให้เห็นว่า เราทุกคนก็สามารถทำผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น
บางทีเราจะรู้จุดอ่อนของเราเอง และมีโอกาสมากยิ่งขึ้นในการทำสิ่งต่างๆตามสามัญสำนึกลำพูดเดิมๆว่า “ความปลอดภัยมาก่อน” แม้ว่าเราอาจจะได้ประโยชน์จากการกดโทรศัพท์หรือสมาร์ทโฟนขณะที่เดิน แต่การใช้เวลาไปกับการชื่นชมหรือดูสิ่งรอบตัวเราคงจะดีและปลอดภัยกับชีวิตของเรามากกว่า หากจะกดสมาร์ทโฟนก็ควรนั่งให้เป็นที่จะดีกว่า