เมื่อตาแห้งจะรู้สึกไม่สายตา แสบตาเคืองตา ตามักสู้แสงจ้าไม่ได้และมีการกะพริบตาอยู่ตลอดเวลารู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมเข้าตา ตาแห้ง แสบ เคือง โดยอาการดังกล่าวจะเป็นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เยื่อบุตาจะแดงและอักเสบ กระจกตาก็จะถูกครูดด้วยการเสียดสีเพราะขาดน้ำตาไปหล่อเลี้ยง ผู้ป่วยจะลืมตาด้วยความยากลำบาก
ผิวทุกส่วนในร่างกายควรได้รับความชุ่มชื้น ดวงตาก็เช่นกัน น้ำตาทำหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตาเพื่อป้องกันกระจกตาและเยื่อบุตาละคายเคืองอีกทั้งน้ำตาเป็นสารอาหารสำคัญของเซลล์ผิวกระจกตา ทำให้เซลล์อยู่ในสภาพแข็งแรง คนที่มีอาการปริมาณน้ำตาน้อยหรือระเหยง่าย
ตาแห้งพบมากในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายโดยเฉพาะวัยหมดประจำเดือน เนื่องจากมีฮอร์โมนต่ำ ทำสารคัดหลั่งต่างๆในร่างกายน้อยลง
วิธีรับมือคือ ใช้น้ำตาเทียมเพื่อเพิ่มความชุมชื้นตา ตาเทียมหยอดตา ซึ่งน้ำตาเทียมนี้ผลิตจากน้ำที่บริสุทธิ์และปราศจากเชื้อโรค มีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถจะทดแทนน้ำตาธรรมชาติเป็นอย่างดี เวลาใช้จึงไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อเยื่อบุผิวตา
ลดอาการระคายเคือง
ซึ่งการแก้ปัญหาสามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยการประคบเย็นบริเวณดวงตา คือนำผ้าไปแช่ในตู้เย็น หรือชุบน้ำเย็นมาวางทาบโดยไม่ต้องกด ขยี้ หรือคลึง ซึ่งการวางผ้านั้นให้วางตั้งแต่ขมับซ้ายมาขมับขวาทาบทับหน้าผาก ตา และจมูก จนกว่าผ้าจะแห้ง หลังจากนั้นก็ให้นำผ้ามาชุบน้ำเย็นต่อ ซึ่งต้องทำติดต่อกันประมาณ 20 นาที และทำวันละ 2 ครั้ง จะช่วยให้อาการดีขึ้นไม่ควรพำนักอยู่ในที่ที่มีอากาศแห้งเป็นเวลานาน ๆ ควรงดสูบบุหรี่และไม่ควรอยู่ในสถานที่ที่มีการสูบบุหรี่ เวลาออกนอกบ้านควรสวมแว่นกันลม กันแดด อีกทั้งควรดื่มน้ำมาก
โดยปกติคนกระพริบคา20-22ครั้งต่อนาทีแต่ตอนนี้เรามัวจ้องคอมตาเลยกระพริบ8-10ครั้งต่อนาทีแทน
ข้อควรระวังในการใช้น้ำตาเทียม
หยอดตาไม่กินวันละ 4 – 5 ครั้ง สามารถใช้ยาหยอดตาชนิกขวดที่มีสารกันบูดได้ กรณีผู้ป่วยที่ตาแห้งมาก และหยอดตามากกว่าวันละ 6 ครั้ง
เมื่อเรากระพริบตาจะมีการส่งน้ำมาช่วยให้ตาชุ่มชื้นถ้าน้ำไม่พอจะมีการผลิตน้ำตา
ปัจจุบันสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไป ทั้งมลพิษ ควัน คอนแทคเลนซ์การอยู่ในห้องแอร์นาน จ้องทีวี คอมสาเหตุต่างๆเหล่านี้เราเลี่ยงไม่ได้แต่เราดุแลและป้องกันตัวเองได้