เมื่อใดก็ตามที่เราไม่ต้องการทำบางสิ่งบางอย่าง เช่น การออกกำลังกาย เรามักจะสร้างข้อแก้ตัวเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ ข้อแก้ตัวจะช่วยตอบสนองสิ่งที่คาดหวังง่ายๆคือ : การผ่อนคลายเกี่ยวกับความรู้สึกผิดที่ไม่ได้เข้าร่วมหรือทำบางสิ่งบางอย่างที่คุณบอกว่าจะทำ
ท้ายที่สุดแล้ว ข้อแก้ตัวเหล่านี้จะเริ่มเพิ่มขึ้นและลดลงไปเรื่อยๆ หากคุณต้องการที่จะทำสิ่งนั้นจริงๆ คุณจะมีเวลาหรือมีความตั้งใจมากกว่าการจะหาข้อแก้ตัวมาอ้างได้เสมอ
นี่เป็น 7 ข้อแก้ตัวที่พบบ่อยที่สุดที่ใช้อ้างบ่อยที่สุดสำหรับคนที่ไม่อยากออกกำลังกาย เรามาลองดูแต่ละข้อของพวกเขาและวิธีการเอาชนะข้อแก้ตัวข้อใดข้อหนึ่ง
7 ข้อแก้ตัวสำหรับการไม่อยากออกกำลังกาย
1. ไม่มีเวลาเพียงพอ
คุณไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ไม่มีเวลา สำหรับคนที่เป็น ภรรยา, สามีและพ่อแม่ที่ต่างก็ทำงานและมีสิ่งที่ต้องทำนับล้านได้ เราทุกคนก็มีอะไรที่ต้องทำเหมือนกัน หากคุณมีช่วงเวลาเดียวที่สามารถออกกำลังกายเพื่อลดความอ้วนได้ในตอนตีห้า ดังนั้นคุณควรจะตื่นก่อนและพยายามทำมันให้สำเร็จ มันจะยากในตอนแรก แต่หากคุณทำไปเรื่อยๆจนเป็นกิจวัตรแล้ว คุณจะรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมเยอะมากสำหรับการให้เวลากับชีวิต
2. เหนื่อยเกินไป
แน่นอนว่าหากคุณรู้สึกเหนื่อย เชื่อได้เลยว่าคุณจะไม่ได้ออกกำลังกายอย่างแน่นอน การออกกำลังกายนี้นอกจากจะเป็นวิธีการลดความอ้วนที่หลายๆคนหันมาออกกำลังกายเพราะเป็นวิธีที่ดีต่อสุขภาพแล้ว ยังสามารถช่วยกระตุ้นระดับพลังงานให้เพิ่มขึ้นได้อีกด้วย ดังนั้นคุณจะสามารถประสบความสำเร็จมากขึ้นในระหว่างวันและไม่รู้สึกเหนื่อยในขณะที่กำลังออกกำลังกาย
หากคุณรู้สึกเหนื่อยเกินไปหลังจากการทำงาน ให้ลองออกกำลังกายก่อนที่จะไปทำงาน ถึงแม้ว่ามันจะหมายถึงการตื่นขึ้นมา แม้ฟ้าจะยังมืดอยู่ เพียงแค่คุณต้องแน่ใจในเป้าหมายที่อยากจะออกกำลังกายตามแผน และต้องตื่นไปออกกำลังกายด้วยความสดชื่น ไม่ใช่ออกไปแบบครึ่งหลับครึ่งตื่น ให้คุณพยายามคิดว่า สิ่งที่ต้องทำระหว่างการออกกำลังกาย จะช่วยให้คุณมีแรงจูงใจและสมาธิในการออกกำลังกายมากยิ่งขึ้น
3. ฉันเดินตลอดทั้งวัน นั่นก็ถือเป็นการออกกำลังกายแล้ว
นี่เป็นหนึ่งในข้อแก้ตัวที่ยากในการพิสูจน์ว่ามันผิดหรือถูก เพราะว่าหลายคนเชื่อว่างานของเขาเหมือนกับการออกกำลังกายอยู่แล้ว วิธีเดียวในการนับว่างานนั้นเป็นการออกกำลังกาย คือ หากคุณเป็นผู้ฝึกสอนการออกกำลังกายหรือเทรนเนอร์ส่วนตัวให้กับลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับการออกกำลังกายโดยตรงหรือการทำงานแบอื่นๆที่ได้เหงื่อ
แม้ว่าคุณจะสวมใส่เครื่องมือวัดระยะทางในการทำงานและเครื่องมือนั้นแสดงให้เห็นว่า คุณสามารถเดินได้ถึง 4 ไมล์ในแต่ละวันในการทำงาน นับว่าเป็นกิจกรรม ไมใช่การออกกำลังกาย นี่คือข้อแตกต่างระหว่างการออกกำลังกายและการทำกิจกรรม
4. การออกกำลังกายทำให้ฉันหิว
แน่นอนว่าการออกกำลังกายจะทำให้คุณเผาผลาญแคลอรี่ได้จำนวนมาก แต่บางคนก็จะหิวได้ง่ายกว่าคนอื่นๆหลังจากที่เสียเหงื่อไปแล้ว แต่มีวิธีในการหลีกเลี่ยงปัญหานี้คือ การทานผลไม้เป็นชิ้นก่อนที่จะออกกำลังกายและคุณควรจะดื่มน้ำในปริมาณที่พอดีกับที่ร่างกายต้องการทั้งก่อน ระหว่างและหลังการออกกำลังกายด้วย
สมองของเราจะใช้เวลาจำนวนมากในการแปลความกระหายเป็นความหิวแทน เพื่อมห้คุณคิดว่าคุณหิว แต่จริงๆแล้วสมองของคุณกำลังจะบอกว่าคุณต้องการน้ำมากกว่า หากคุณเพิ่งเริ่มต้นออกกำลังกายและเกิดปัญหานี้เพิ่มมากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป ความหิวจะหายไปเองและร่างกายของคุณจะปรับตัวกับแคลอรีที่สูญเสียไปเอง
5. ฉันไม่เคยเห็นผลลัพธ์ใดๆจากการลดความอ้วน
ขออภัยที่เราจะบอกว่าเหตุผลนี้เป็นข้อแก้ตัวที่อ่อนแอมาก คุณไม่เห็นผลใดๆเพราะ
- คุณไม่ได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- คุณทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์มากเกินไปซึ่งทำให้คุณไม่อยากออกกำลังกาย
- คุณคาดหวังว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่เร็วจนเกินไป
คุณไม่ได้น้ำหนักขึ้นมา 10 ปอนด์ภายในหนึ่งสัปดาห์ก็จริง ดังนั้นคุณก็ไม่สามารถคาดหวังได้ว่าคุณจะลดความอ้วนได้ 10 ปอนด์ภายในหนึ่งสัปดาห์เช่นเดียวกัน มันดูเหมือนว่าการคำนวณแคลอรีนั้นไร้สาระ แต่คุณรู้หรือไม่เกี่ยวกับการทานขนมระหว่างมื้ออาหาร เช่น Margarita ที่เป็นค็อกเทลรสมะนาวนั้นมีแคลอรีถึง 350 หรือมากกว่านั้นเลยทีเดียว ซึ่งการเผาผลาญแคลอรีนี้ที่จะทำได้คือ การวิ่งจ๊อกกิ้งหรือการวิ่งบนลู่วิ่ง 30 นาที
ควรอดทนและรอประมาณ 3 เดือน เพื่อที่จะเห็นผลลัพธ์ หากคุณยังไม่เห็นผลลัพธ์หลังจาก 3 เดือน คุณควรจะพิจารณาหาความแตกต่างของสิ่งต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแผนการออกกำลังกายประจำวันของคุณหรือการทำตามคำแนะนำจากนักโภชนาการ
6. ฟิตเนสราคาแพงเกินไป
มีการออกกำลังกายมากมายที่สามารถทำได้โดยไม่ต้องเข้าฟิตเนสหรือเข้ายิม และให้อิสระกับคุณได้มากกว่า ดังนั้นข้อแก้ตัวนี้จึงไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย การเดินออกไปข้างนอกและขี่จักรยานนั้นทำให้คุณมีอิสระมากกว่าและได้เปลี่ยนแปลงบรรยากาศและทิวทัศน์ของชีวิตคุณด้วย
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับที่ที่คุณอยู่ด้วย คุณอาจจะเข้ากลุ่มปีนเขา หรือ การเข้าคลาสโยคะในตอนเช้าของวันหยุดสุดสัปดาห์ และคุณยังสามารถหากิจกรรมการออกกำลังกายที่สามารถทำเป็นกิจวัตรได้ที่บ้านอีกด้วย การออกกำลังกายที่บ้านมีข้อดีหลายอย่าง คือ คุณจะรู้สึกสะดวกสบายมากกว่า แต่หากบ้านของคุณมีพื้นที่ การลงทุนซื้อลู่วิ่งมาหรือจักรยานที่ปั่นอยู่กับที่มาไว้ใช้ที่บ้านไปด้วยก็จะดีมาก คุณสามารถตรวจสอบหรือสอบถามรายละเอียดจากผู้ขายได้โดยตรงสำหรับการจัดการที่ดีขึ้น
7. ไม่สามารถหาแรงจูงใจได้
นี่ไม่ใช่ข้อแก้ตัวแต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริง บางคนมีการเริ่มต้นหรือการออกกำลังกายเป็นกิจวัตรประจำวันอย่างต่อเนื่อง คุณจำเป็นต้องดูว่า อะไรที่มีอิทธิพลต่อการออกกำลังกายของคุณ การขาดความรู้ที่ยิมที่ทำให้คุณขาดแรงจูงใจใช่หรือไม่ ? หรือ การที่คุณยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
ทุกคนต้องมีการกำหนดเป้าหใยทั้งระนะสั้นและระยะยาวสำหรับตัวพวกเขาเอง ไม่ว่าจะเป็นการลดความอ้วน 10 ปอนด์ภายใน 3 เดือน หรือการเพิ่มขึ้นของขนาดแขน ให้ลองพยายามเจาะจงไปที่เป้าหมายและเขียนมันลงไปที่ไหนก็ได้ที่คุณจะเห็นมันทุกวัน หรืออีกวิธีคุณลองถ่ายรูปตัวเองทั้งก่อนออกกำลังกาย และ หลังออกกำลังกายโดยใส่เสื้อผ้าชุดเดิม เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของรูปร่างตัวเองในแต่ละเดือน
ข้อสรุป
ไม่ใช่ทุกเคล็ดลับที่จะทำให้ทุกคนมีแรงจูงใจได้ สำหรับบางคนมันเป็นเรื่องง่ายที่รู้สึกมีพลังหลังจากออกกำลังกาย หรือสำหรับคนอื่นๆ อาจจะทำให้ตื่นตาตื่นใจในการใส่บิกินี่ในวันหยุดที่ชายหาด นอกจากนี้การบอกเพื่อนของคุณ, ครอบครัว และเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับเป้าหมายของคุณ เพราะมันจะช่วยให้คุณมีความรับผิดชอบต่อเป้าหมายนั้นมากยิ่งขึ้น
มันไม่ได้ยากเกินไปสำหรับตัวคุณเอง หากมันล้มเหลวในการปฏิบัติตามแผนด้วยความมุ่งมั่นในหนึ่งวัน คุณเพียงแค่เริ่มต้นใหม่ในวันถัดไป การจะเห็นผลลัพธ์และรู้สึกดีขึ้น คือ คุณต้องออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่เหมาะสม
การสร้างแรงจูงใจเล็กๆน้อยๆ จะเป็นการหลีกเลี่ยงข้อแก้ตัวสำหรับคนที่ไม่อยากออกกำลังกาย ผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งได้กล่าวว่า “ผู้ที่ไม่มีเวลาออกกำลังกายจะต้องให้เวลากับความเจ็บป่วยด้วยเช่นกัน” การทำในสิ่งที่ตัวเองชอบและให้เวลาตัวเองในการออกกำลังกาย จะทำให้คุณดูดีและรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสุขภาพที่อจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต