ไฮยารูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ HAเป็นสารโพลีเมอร์ที่มีลักษณะหนา เหนอะหนะ โปร่งใส และสามารถเก็บรักษาความชื้นได้ โดยทำหน้าที่เหมือนอาหารเสริมและเป็นที่เก็บกักน้ำในร่างกาย ร่างกายของเราประกอบด้วยน้ำ 60 % และความชื้นที่มีอยู่สูงทั่วร่างกายนี้ที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้ ผิวหนังประกอบด้วยน้ำเป็นส่วนใหญ่ และ HA นี่เองที่ทำให้ผิวหนังเราชุ่มชื้น ยืดหยุ่น อ่อนนุ่ม และดูอ่อนเยาว์
เมื่อเราอายุมากขึ้น ปริมาณน้ำในผิวหนังก็จะขาดลงไป แรกสุด ผิวหนังด้านบนสุดที่เรียกว่า “Epidermis” หรือหนังกำพร้า เริ่มที่จะแสดงสัญญาณของการขาดน้ำ เช่น แห้ง หลุดเป็นเกล็ด หรือรู้สึกคันและไวต่อความรู้สึก จากนั้นผิวหนังที่อยู่ด้านล่างลงไปหรือ “Dermis” หรือชั้นหนังแท้ ก็จะเริ่มสูญเสียความชุ่มชื้น กระบวนการนี้ที่ทำให้เริ่มเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นขึ้น และในที่สุดผิวหนังก็จะหย่อนยานลงไป
HA ที่อยู่ด้านใต้ของ Dermis จะทำหน้าที่รักษาความชุ่มชื้น ซึ่งจะช่วยให้ส่วนอื่นๆของชั้นผิวหนังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไฮยารูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ HA เป็นสารเคมีที่เกิดขึ้นในร่างกายตามธรรมชาติ ซึ่งอยู่ลึกลงไปในผิวหนัง ถือว่าเป็นการค้นพบที่สำคัญที่สุดที่ช่วยผิวที่แห้งและเหี่ยวย่นได้
คอลลาเจนและอีลาสติน เป็นโปรตีนไฟเบอร์สองชนิดที่เป็นโครงสร้างและทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น (แต่มีอยู่เฉพาะในชั้น Dermis เท่านั้น) เป็นส่วนที่ได้รับผลกระทบจากปริมาณความชื้นของ HA เป็นอย่างมาก เมื่อเราอายุเพิ่มขึ้นความชุ่มชื้นในหนังแท้จะลดลงจากปัจจัยต่างๆรวมทั้งความเครียด, โภชนาการที่ไม่ดี, การติดยาหรือแอลกฮอล์, การสูบบุหรี่หรือการสูดควันพิษเข้าไปอีกด้วย เมื่อความชื้นน้อยลง คอลลาเจนและอีลาสตินก็จะเปราะและเสียหายหรือโปรตีนเหล่านี้อาจมีการเชื่อมประสานในลักษณะไขว้มากขึ้น ทำให้ตัวมันเองเชื่อมต่อกันมากขึ้นและเราไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเมื่อเวลาเรายิ้มหรือขมวดคิ้ว หรือเมื่อเราใช้ใบหน้าในการแสดงออกทางอารมณ์ เมื่อเกิดขึ้นเป็นเวลานานๆ ก็จะเกิดรอยเหี่ยวย่นและริ้วรอยของความชราขึ้นมา
จนเมื่อนักเคมีของบริษัทเครื่องสำอางคิดวิธีที่ดีที่สุดที่จะเพิ่มความชื้นให้กับผิวหนังหรือเสมือนใช้อาหารเสริม ก็คือ นำชั้นที่เป็นน้ำและและน้ำมันเคลือบที่ผิวหนัง ซึ่งน้ำจะทำหน้าที่ “ให้ความชื้น” ส่วนน้ำมันจะทำหน้าที่ “หยุดยั้ง” ไม่ให้ความชุ่มชื้นระเหยออกไป ซึ่งคาดว่าการระเหยนี้ จะทำให้เกิดภาวะผิวแห้งได้
ปัญหาของกรณีนี้คือ ผิวหนังก็ยังคงแห้งอยู่ ถึงแม้จะได้รับความชุ่มชื้นจากน้ำมันและทำให้ดูเรียบและเปล่งประกาย แต่หากไม่ได้ใช้ทั้งน้ำมันและน้ำเหล่านี้ ผิวที่แห้งส่วนมากก็ยังคงแสดงความแห้งอยู่ดี จึงเห็นได้ชัดว่า การนำน้ำมันและน้ำทาลงบนผิวจึงไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด
เมื่อหลายปีก่อน นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า การทา HA ลงบนผิว จะทำให้ความชุ่มชื้นถูกกักไว้ในเซลล์หนังกำพร้าที่แห้งได้ ซึ่งเกิดจากความสามารถของ HA ในการยึดติดกับน้ำ กล่าวได้ว่า HA สามารถกักเก็บน้ำไว้ในผิวได้มากกว่าน้ำหนักของตัวเองถึง 1,000 เท่า ด้วยเหตุผลนี้เอง จึงไม่จำเป็นต้องใช้ HA ในปริมาณมากสำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะ HA เป็นส่วนผสมที่มีราคาแพงที่สุดอย่างหนึ่งในการดูแลผิวเลยทีเดียว โดยสารนี้เป็นสารที่ได้จากขนของไก่ตัวผู้ ที่แต่ก่อนเคยมีการซื้อขายกัน 7,000 ดอลลาร์ แต่ในปัจจุบันมีเทคนิคพิเศษในการผลิต HA ที่ดีกว่าแต่ก่อนมากขึ้น จึงทำให้ราคาลดลงมาบ้าง แต่ก็ยังมีราคาที่สูงอยู่
นอกจากนี้คุณยังพบ HA ได้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวใหม่ๆ ซึ่งมักจะอยู่ในรูปแบบเจลหรือในรูปสารประกอบที่มีน้ำเป็นพื้นฐานในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการบำรุงหรือต่อต้านความชรา อาจระบุได้ว่าเป็น ไฮยารูรอนิค แอซิด หรือโซเดียม ไฮยารูรอนิค ซึ่งทั้งสองอย่างก็มีสารประกอบตัวเดียวกัน
ส่วนประกอบอีกตัว คือ ไฮยาลูรอนิเดส (Hyaluronidase) นั้นไม่เหมือนกับไฮยารูรอนิค แอซิด เพราะมันเป็นเอนไซม์ในชั้นหนังแท้ ที่ทำหน้าที่ละลายหรือเปลี่ยนโครงสร้างของ HA ที่หมดสภาพและไม่มีประโยชน์ ซึ่งจะทำให้สารโพลีเมอร์นี้ถูกผลิตในร่างกายมากขึ้น เพื่อทำหน้าที่ยึดเกาะความชุ่มชื้นต่อไป
ไฮยาลูรอนิเดส (Hyaluronidase) เป็นสารที่ไม่มีความเสถียร จึงไม่เหลืออยู่นารประกอบ ภายหลังจากที่ทำปฏิกิริยาแล้ว ส่วนใหญ่มักถูกใช้ในการสลายโมเลกุลของโพลีเมอร์ใหญ่ๆของ HA ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เพื่อช่วยให้ HA แทรกซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ง่ายขึ้น ไฮยาลูรอนิเดสยังถูกนำมาใช้ในการกระจายตัวของน้ำมันและของเหลวอื่นๆที่พบอยู่ในผิวที่มีริ้วรอย
เมื่อใช้ในการแตกโมเลกุลของ HA ไฮยาลูรอนิเดสก็มักจะไม่สามารถทำปฏิกิริยาได้อีกต่อไปภายในหนึ่งหรือสองสัปดาห์ เนื่องจากในไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นสำหรับช่วยผิวหนัง เพียงแต่ถูกนำมาใช้ เพื่อเปลี่ยนแปลงส่วนประกอบอื่นๆเท่านั้น ความเสถียรจึงไม่ใช่กุญแจสำคัญที่ทำให้ผลิตภัณฑ์นั้นประสบความสำเร็จ
ดังนั้นผลิตภัณฑ์จึงต้องสามารถดำรงความเสถียรไว้ให้นานๆ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่ได้ผล
งานวิจัยเกี่ยวกับ HA ซึ่งเป็นโพลีเมอร์ที่คอยให้ความชุ่มชื้นกับเอนไซม์ คือ ไฮยาลูรอนิเดส ซึ่งยังคงมีการดำเนินการต่อไปและในอนาคตทุกคนก็หวังว่ามันจะสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างมากมาย